วิปลาส
ความวิปลาสเป็นสภาวะอิสระจากจิตปรกติ อันว่าจิตปรกตินั้นเป็นสภาวะที่เป็นที่พึงปรารถนา ของสังคมที่ต้องการ ให้ปัจเจกอยู่ในการความคุม ของระบบ ซึ่งจะขัดแย้งกับความวิปลาสที่เป็นสภาวะที่ สังคมควบคุมปัจเจกไม่ได้ ส่วนผู้มีจิตไม่ปรกติหรือวิปลาสนั้น คือผู้ที่ครอบครองอิสระ ทั้งทาง ร่างกาย และจิตใจอย่างแท้จริง เพราะได้ถูกตัดขาดจากระบบของสังคมปรกติ ความสมดุลจึงอยู่คู่กับความพิกลพิการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะ เข้าใจต้นเหตุของความไม่เสมอภาคของมวลมนุษย์ได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจตัวมนุษย์เสียก่อนการเข้าใจความลับที่อยู่ภายใน ทำให้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น เพราะเราสร้างปีศาจขึ้นมาในใจของตัวเราเองทุกๆคน
ความสนใจในความผิดปรกติของสมองหรือจิต นำไปสู่โปรเจ็คทางศิลปะที่มุ่งไปสู่ประเด็น ทางปรัชญา ดังนี้
แสงและความตาย
นามธรรมทั้งสองนั้น อุปมาเหมือนสิ่งที่ตรงข้ามกัน คือแสงเปรียบดั่งความสว่างรู้แจ้ง และความตายเปรียบ ดั่งความมืดบอด ความไม่รู้ ดังนั้นเรา จึงกลัวความตายเพราะเราไม่รู้จักมันอย่างแท้จริง แต่ถ้าไม่มีความมืดก็ไม่มีความสว่าง หรือถ้าไม่มีความชั่วก็ไม่เห็นความดี เปรียบเสมือน ขั่วตรงข้าม ที่ไม่ สามารถแยกจากกันได้ ต้องวางไว้เรียงชิดอยู่ติดกัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าความรู้หรือความสว่างไม่สามารถอยู่ เดี่ยวๆได้โดย ปราศจากความไม่รู้หรือความมืดได้เลย ดังทฤษฎีทางฟิสิกค์ และ แนวคิดทางปรัชญา ที่สอดคล้องกันทางด้านรูปธรรม และนามธรรม โดยทั้ง ทฤษฎีของมาร์ค(วัตถุนิยม) และเฮเกล(จิตนิยม) ก็ต่างมุ่งหาความจริงของสรรพสิ่ง และต่างเชื่อในการประกอบกันเป็นหนึ่งเดียวของจักรวาล ที่เรียกว่า “The Whole”
ความรัก และความใคร่
จากแนวคิดกรีกโบราณ ความรักและความใคร่เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ออก โดยเฉพาะความรักระหว่างเพศ เพราะทั้งหมดถูกผลักดันด้วยEROS ที่เปรียบเสมือนการแสวงหาความรู้ และมีความอยากรู้อยากเห็น ความกระหายที่จะบรรลุถึงความจริงสูงสุด ดังที่ฟรอยส์เชื่อว่าความ ตึงเครียด ระหว่างมนุษย์
กับสิ่งแวดล้อมมีอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะความตึงเครียด ของความขัดแย้งระหว่างแรงขับของมนุษย์ และการเรียกร้องของสังคม โดยแรงขับพื้นฐานของมนุษย์ที่มีอิสระ และเป็นธรรมชาติที่สุด คือ ความต้องการทางเพศ แต่สิ่งนี้จะต้องต่อสู้กับความคาดหวังทางศิลธรรมของ โลก หรือ “ซุปเปอร์อีโก้” ทำให้คนจำนวนมากรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องเพศไปตลอดชีวิต
ความวิปริต และความเก็บกด
ความวิปริต นี่คือความเป็นไปในลักษณะอื่นจากที่ควรจะเป็น อย่างที่ใกล้ต่อความวินาศ สร้างปัญหาที่เคลือบไว้ด้วยเสน่ห์อันยั่วยวน มนุษย์หลงเสน่ห์อันนี้ก็ทำให้โลกวิปริตมากขึ้น แต่ความวิปริตนี้ก็เกิดจาก การใช้พลังงานเก็บกด “สิ่งไม่งาม” จากความคาดหวังทางศีลธรรมของสัวคมมากเกินไป โปรเจ็คทางศิลปะครั้งนี้จึงมุ่งหาหนทางกลับสู่ “ความเจ็บปวด” ที่ซุกซ่อนอยู่ เพื่อเผชิญหน้ากับสาเหตุเห็นความวิปริตนั้น และค้นพบความจริงสูงสุดแห่งชีวิต
|